Category: สาระทั่วไป
วิธีประหยัดน้ำมัน ‘ลดพลังงาน เพิ่มพลังเงิน’
- ขับรถในความเร็วที่กฎหมายกำหนด หากขับรถด้วยความเร็ว 90 กม./ชม. แทนการขับรถด้วยความเร็ว 110 กม./ชม. จะประหยัดน้ำมันได้ 25% คิดเป็นเงิน 800 บาทต่อเดือนต่อคัน หรือ 9,600 บาทต่อปีต่อคัน ถ้ารถยนต์จำนวน 7 ล้านคันทั่วประเทศ ขับรถตามกฎหมายกำหนด ประเทศชาติจะประหยัดเงินได้ไม่น้อยกว่า 67,000 ล้านบาท ต่อปี
- ตรวจเช็คสภาพรถเป็นประจำ การตรวจเช็คสภาพเครื่องยนต์ปีละ 1 ครั้ง สามารถประหยัดน้ำมันได้ 10% คิดเป็นเงินที่ ประชาชนประหยัดได้ 250 บาทต่อเดือนต่อคัน คิดเป็นจะประหยัดได้ถึงปีละ 3,000 บาท หากรถยนต์เบนซิน จำนวน 3 ล้านคันใน ประเทศไทย ดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว จะช่วยชาติจะประหยัดเงินได้ 9,000 ล้านบาทต่อปี
- เติมลมยางไม่ขาดไม่เกิน ตรวจเช็คความดันลมยางสม่ำเสมออย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง หรือทุกๆระยะทาง 500 กิโลเมตร เพราะหากความดันลมยางต่ำกว่ามาตรฐานทุกๆ 1 ปอนด์ ต่อตารางนิ้ว จะสิ้นเปลืองน้ำมันเพิ่มร้อยละ 2
- หมั่นทำความสะอาดไส้กรองอากาศ ควรทำความสะอาดไส้กรองอากาศทุกๆ 2-4 สัปดาห์ หรือทุกๆ 2,500 กิโลเมตร เพราะถ้าไส้กรองไม่สะอาดแล้วจะทำให้รถยนต์กินน้ำมันเพิ่มขึ้นร้อยละ 10
- ไม่ขับก็ดับเครื่อง ดับเครื่องยนต์ทุกครั้งเมื่อต้องจอดรถเป็นเวลานาน เพราะการติดเครื่องยนต์จอดรถเป็นเวลาเพียง 10 นาที จะเสียน้ำมันไปฟรีๆ 200-400 ซีซี หรือเสียเงินราว 3.35-7.75 บาท
- ไม่บรรทุกสิ่งของที่ไม่จำเป็น การบรรทุกสิ่งของที่ไม่จำเป็น นอกจากจะสิ้นเปลืองน้ำมันแล้ว ยังทำให้เครื่องยนต์สึกหรอเร็วกว่าที่ควรด้วย หากขับรถโดยบรรทุกของที่ไม่จำเป็น ประมาณ 10 กิโลกรัม เป็นระยะทาง 25 กิโลเมตร จะสิ้นเปลืองน้ำมัน 40 ซีซี
- บำรุงรักษาเครื่องยนต์ การบำรุงรักษาเครื่องยนต์ให้อยู่ในสภาพดี โดยการเปลี่ยนน้ำมันหล่อลื่นเมื่อถึงกำหนด และตรวจสอบรอยรั่วในระบบน้ำมันเชื้อเพลิง จะช่วยประหยัดน้ำมันประมาณร้อยละ 3-9
- ทางเดียวกันไปด้วยกัน (คาร์พูล) ทางเดียวกันไปด้วยกัน หรือ “คาร์พูล” นอกจากจะทำให้จำนวนรถยนต์ในถนนลดลง การจราจรดีขึ้น ใช้เวลาในการเดินทางลดลงแล้ว ยังทำให้คุณภาพอากาศบนถนนดีขึ้น และผลผลอยได้สุดท้ายคือค่าใช้จ่ายด้านการเดินทางและบำรุงรักษารถยนต์ลดลงอีกด้วย
- จอดรถไว้บ้าน การจอดรถไว้ที่บ้าน เมื่อต้องการเดินทางก็ใช้บริการขนส่งสาธารณะซึ่งปัจจุบันก็สะดวกสบายขึ้นมาก หรือจะอยู่ที่บ้านโดยใช้การติดต่อทางโทรศัพท์ โทรสาร และอินเตอร์เน็ตแทน ก็เป็นหนทางหนึ่งในการลดการใช้น้ำมันของตนเองและของประเทศได้
เทคนิคการใช้ Web search engines
แนะนำ
Search Engine เป็นซอฟแวร์ที่ช่วยค้นคว้าหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต และสามารถกำหนดลักษณะความต้องการในการค้นข้อมูลได้ โดยการใช้เครื่องหมายตรรกะ (Boolean Operators) เป็นเครื่องช่วยในการค้นหา
รูปแบบของ search engine ในปัจจุบันมีหลายแบบ ซึ่งอาจแบ่งออกได้เป็น 4 กลุ่ม
- การรวบรวมรายชื่อ (directory)
- การค้นหาด้วยโปรแกรม Web Crawlers and Spiders
- การค้นหาข้อมูลจาก search engine อื่น (metasearching)
- การค้นหาและรวบรวมข้อมูลเป็นกลุ่มเข้าด้วยกัน (Cluster)
การรวบรวมรายชื่อ (Directory) เว็บไซด์ที่เก็บรวบรวมคำบรรยายที่อยู่ในรูปดัชนี (index) และใช้โปรแกรมค้นหาในข้อมูลดัชนีเหล่านั้น ตัวอย่างของเว็บไซด์ที่เป็นรู้จักในช่วงที่ใช้เทคโนโลยีนี้ คือ Yahoo ซึ่งเป็น web search engine แห่งแรกที่ใช้รูปแบบการรวบรวมรายชื่อ การค้นหาด้วยโปรแกรม Web Crawlers and Spiders เว็บไซด์ที่ใช้โปรแกม web crawlers and Spiders เป็นเครื่องมือที่เข้าไปดึงเว็บเพจ และลิงค์ต่างๆที่ปรากฏในเว็บเพจเหล่านั้น มาเก็บไว้ในฐานะข้อมูลของตัวเอง บางที่ตัวโปรแกรมถูกเรียกว่า แมงมุมวิ่งไปตามเส้นใยต่างๆ ตัวอย่างของเว็บไซด์ที่ี่ใช้เทคโนโลยีนี้เป็นเจ้าแรก คือ Google ต่อจากนั้นก็มีการปรับรูปแบบตาม Google อยู่หลายเว็บไซด์ การค้นหาข้อมูลจาก search engine อื่น (metasearching) เว็บไซด์ที่ใช้โปรแกมไปค้นหาข้อมูลจากฐานข้อมูลของแหล่งอื่น เช่น Google และนำมาจัดหน้าตาให้เป็นรูปแบบของตัวเอง โดยที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฐานข้อมูลเหล่านั้น การค้นหาและรวบรวมข้อมูลเป็นกลุ่มเข้าด้วยกัน (Cluster) เว็บไซด์ประเภทค้นหาข้อมูลจาก search engine อื่น (metasearching) แต่โปรแกรมจะมีลักษณะพิเศษในการรวบรวมข้อมูลหลายเว็บไซด์ให้ี่เป็นกลุ่มก้อน เพื่อง่ายต่อความเข้าใจ และความเข้าถึงคำที่ค้นเหล่านั้น ว่ามีคำู่เกี่ยวข้องกับคำอื่นอย่างไรบ้าง
การใช้ตรรกะ (boolean operators)
การใช้ตรรกะ (ฺboolean operators) เป็นเครื่องมือในการค้นข้อมูลที่มีขอบเขตและแคบลงไปในเื้นื้อหาที่ต้องการ เครื่องมือนี้นิยมใช้ในการค้นคว้าที่มีเป้าหมาย และค่อนข้างที่จะรู้กลุ่มคำสำคัญ(key word)ที่จะใช้พอสมควร ส่วนการใช้ boolean operators ที่นิยมมีอยู่ 3 ตัว คือ AND ,OR และ NOT AND หมายถึง มีคำทั้งหมดในเอกสาร OR หมายถึง มีคำหนึ่งคำใดในเอกสาร
NOT หมายถึงไม่มีคำนั้นในเอกสาร
ตัวอย่างการใช้ตรรกะ สมมุติให้ A เป็นกลุ่มของเว็บไซด์ automotive และ B เป็นกลุ่มของเว็บไซด์ jobs
ตัวอย่างที่ 1. “automotive” AND “jobs” จะแสดงสีม่วงดังรูป
ตัวอย่างที่ 2. “automotive” AND “jobs” จะแสดงสีม่วงดังรูป
ตัวอย่างที่ 3. “jobs” NOT “automotive”จะแสดงสีม่วงดังรูป
เทคนิคการใช้ Google (ฉบับผู้เขียน)
3.1 การใช้ ” กำหนดประโยคที่ต้องการค้น วิธีนี้เหมาะกับการหาข้อมูลที่มีประโยคที่ผู้ใช้ต้องการ ตัวอย่างการใช้ เช่น
- ช่วยตรวจไวยกรณ์ภาษาอังกฤษ บางครั้งเราอาจพิมพ์งานภาษาอังกฤษในคอมพิวเตอร์อยู่ แล้วนึกไม่ออกว่า คำบุพบท (perposition)ใดที่ถูกต้อง ผู้ใช้สามารถพิมพ์คำที่ต้องการ และดูจำนวนข้อมูลที่ปรากฏ เช่น เราไม่มั่นใจว่า divided into หรือ divided to (ที่แปลว่า แบ่งออกเป็น) ตัวไหนถูกต้อง ให้ผู้ใช้พิมพ์ “divided to และ “divided into ผลการค้นที่ี่ได้จาก google ดังนี้
“divided into มี 130 ล้านเว็บ แต่ “devided to มี 7แสนกว่าเว็บ คำที่ถูกต้องคือ divided into - การคนชื่อคนหรือผู้เขียน ว่ามีเว็บไหนที่มีชื่อเว็บปรากฏ รูปแบบที่ใช้ค้นคือ “Meller D การค้นแบบนี้เหมาะสำหรับการหาผลงานที่มีอยู่ในเว็บ
- หาเอกสารฉบับเต็ม (Full text) ที่มีอยู่ในเว็บ บางครั้งผู้ใช้อาจคนเอกสารฉบับเต็มในเว็บได้ โดยการพิมพ์ที่ต้องการในการค้นข้อมูล เช่น ต้องการหาบทความเรื่อง Liquid Piston Stirling Engine ที่อาจารย์ในภาควิชาฯเขียน ให้พิมพ์ “liquid piston stirling engine ในช่อง google search
3.2 การค้นข้อมูลเฉพาะในไซด์นั้น หรือ โดเมน (Domain) นั้น การค้นแบบนี้เหมาะกับกรหาข้อมูลเชิงลึกในไซด์ เช่น
- ต้องการหาทราบจำนวนหน้าเว็บทั้งหมด ให้พิมพ์ site:ae.siam.edu
- ต้องการหาเอกสารที่เป็น Portable Document Format (pdf) ในนั้น ให้พิมพ์ site:ae.siam.edu pdf
- ต้องการหาเอกสารที่เป็นเฉพาะไซด์สถานศึกษา และเป็นเอกสาร Portable Document Format (pdf) ให้พิมพ์ site:edu pdf หรือ site:ac.th pdf
ความรู้ของผู้ใช้รถป้ายแดง
ความรู้ของผู้ใช้รถป้ายแดง
รัน-อิน กับการใช้รถใหม่ บางท่านคิดว่ารถป้ายแดงไม่จำเป็นต้อง รัน-อิน เพราะทางโรงงานได้ รัน-อินเครื่องยนต์มาแล้ว ซึ่งก็ถูก แต่สำหรับส่วนประกอบอื่น ๆ เช่น เกียร์ เฟืองท้าย เบรค ช่วงล่าง ฯลฯ ถึงแม้จะมีมาตรฐานการผลิตกำหนดไว้ แต่การทำงานร่วมกัน ย่อมมีอาการ คับ ฝืด ตึง เป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งสังเกตได้ตอนที่เราถอยรถป้ายแดง ออกมาขับ ความจริงขบวนการ รัน-อิน ก็ไม่มีอะไรมากขอให้ดูแลเอาใจใส่สละเวลาให้กับรถ ซักประมาณ 2,000 – 3,000 กิโลเมตรแรกให้ดี ๆ ก็พอ เรามาดูกันว่าจะดูแลอะไรบ้าง
1. เครื่องยนต์
-ไม่ควรเติมหัวเชื้อใดๆลงในเครื่องยนต์เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไรกับเครื่องยนต์เลย สู้คุณเก็บเงินไว้เปลี่ยนน้ำมันเครื่องบ่อยๆ ดีกว่า
– การติดเครื่องยนต์ครั้งแรกอย่าเหยียบคันเร่งหลังจากเครื่องยนต์ติดแล้วทันที ใจเย็นซักนิด รอให้น้ำมันหล่อลื่นวิ่งพ่านในเครื่องยนต์เสียก่อนและไม่ควรเปิด แอร์ทันที รอให้เครื่องยนต์อยู่ในอุณหภูมิทำงานก่อน (ถ้าจอดรถไว้กลางแจ้งก็เปิดกระจกระบายความร้อน ก่อนก็ได้ เดี๋ยวจะเป็นลมไปซะก่อน)
– ถึงแม้รถของคุณจะมีแรงม้ามากมายก็ไม่จำเป็นจะต้องเรียกออกใช้งานในตอนนี้
– เมื่อคุณต้องวิ่งทางไกล พยายามหลีกเลี่ยงการใช้รอบเครื่องยนต์ที่คงที่เกิน 5 นาทีให้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง ก่อนและไม่ควรใช้รอบเครื่องเกิน 4,000 รอบ/นาที
– ขยันตรวจเช็คระดับน้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรค น้ำมันคลัทช์ น้ำในหม้อน้ำฯลฯ เพราะบางครั้งอาจเกิด ความผิดพลาดจากการประกอบก็เป็นไปได้แรงบิดและแรงม้า
บทความนี้ ผมจะกล่าวถึง แรงบิด (Torque) และแรงม้า (Horse Power) ซึ่งเมื่อท่านได้อ่านบทความนี้แล้ว ท่านจะได้เข้าใจ ถึงความหมายของศัพท์ดังกล่าวและสามารถนำไปใช้ ในการวิเคราะห์เปรียบเทียบเครื่องยนต์แต่ละรุ่นได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากในการพิจารณาเลือกรถ ที่เหมาะสมกับการใช้งานของท่านครับ
แรงบิด (Torque) คือ แรงหมุนของเพลาเครื่องยนต์ เป็นแรงที่ใช้เพื่อส่งกำลังของเครื่องยนต์ไปหมุนเกียร์ เพลา และ ล้อรถ เพื่อให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แรงบิดจะมีค่า แตกต่างกันไปที่ความเร็วรอบเครื่องยนตต่างๆ ซึ่ง ขึ้นอยู่กับการออกแบบของผู้ผลิตว่าต้องการให้มีแรงบิด สูงสุดอยู่ที่ความเร็วรอบเครื่องยนต์ต่ำ ปานกลาง หรือ สูง รถที่ใช้เครื่องยนต์ที่มีแรงบิดสูงก็จะมีอัตราเร่ง ดีกว่ารถที่ใช้เครื่องยนต์ที่มีแรงบิดต่ำกว่าพูดง่ายๆก็คือ แรงบิดจะเป็นตัวบ่งชี้ว่ารถคันใดวิ่งเร็วกว่าอีกคันครับ ยกตัวอย่าง รถคันแรกมี 115 แรงม้าที่6500รอบ แรงบิด 14 ก.ก./เมตรที่4500รอบ คันที่สองมี100แรงม้า แรงบิด 14 ก.ก./เมตรที่ 2750 รอบ ถามว่ารถคันแรกหรือคันที่สองวิ่งกว่ากันคำตอบก็คือ รถคันที่สองจะวิ่งเร็วกว่าคันแรกครับ เพราะแรงบิดสูงสุดมาที่รอบต่ำกว่า 2750 รอบแม้ว่าจะ14กก/เมตรเท่ากันทั้งสองคันก็ตาม แรงม้าเกินกันอีก15แรงก็ตาม รถคันแรกไม่มีทางไล่รถคันที่สองทันทุกกรณี อัตตราเร่ง0-100 คันที่สองก็ใช้เวลาน้อยกว่า จับมาอัดกัน0-400เมตร คันที่สองก็อยู่หน้าคันแรกอยู่ดี ทำไมรถแข่งในสนามจึงเอามาวิ่งใช้งานปรกติไม่ได้ ก็เพราะเหตุนี้ล่ะครับแรงบิดสูงสุดมันมาที่เป็นหมื่นๆรอบ แค่ออกตัวก็ต้องออกที่รอบ4000-6000รอบ ไม่มีทางทุกกรณีที่จะเอามาวิ่งในถนนปรกติได้เลย วิธีสังเกตุหรือดูง่ายๆก็คือว่ารถคันไหนแรงบิดมันมาที่รอบต่ำกว่าคันนั้นล่ะวิ่งกว่าครับ
รถที่ใช้เครื่องยนต์ที่มีแรงบิดสูงสุดในรอบเครื่องต่ำ หรือปานกลาง จะออกตัวได้ดีกว่าและให้อัตราเร่งที่ดีกว่า ในช่วงความเร็วต่ำหรือความเร็วปานกลาง ในขณะที่ รถที่ใช้เครื่องยนต์ที่มีแรงบิดสูงสุดในรอบเครื่องสูง จะให้อัตราเร่งที่ดีกว่าในช่วงความเร็วสูง และมีแนวโน้ม ที่จะให้ความเร็วสูงสุดที่สูงกว่า (ดูในเรื่องแรงม้า) แต่ในการออกตัวหรือในช่วงที่ใช้ความเร็วต่ำสมรรถนะ จะด้อยกว่า หรือ ที่มักเรียกกันว่า “ต้องรอรอบ” เครื่องยนต์ที่มีแรงบิดสูงสุดที่รอบเครื่องต่ำมักเหมาะกับรถเก๋งที่ใช้งานในเมือง รถบรรทุก รถขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ใช้งานในป่าหรือที่ทุรกันดาร ส่วนเครื่องยนต์ที่มีแรงบิด สูงสุดที่ความเร็วรอบสูงจะเหมาะกับรถที่ใช้เดินทางไกล บ่อยๆ ต้องการอัตราเร่งที่ดีที่ความเร็วสูง หน่วยของแรงบิดที่นิยมใช้กัน คือ Kg-m, Nm และ Ft-lbs แรงม้า (Horse Power) คือ หน่วยอันหนึ่งสำหรับ ใช้วัดกำลังของเครื่องยนต์ หน่วยวัดกำลังที่นิยมใช้กัน คือ แรงม้า (HP),แรงม้า (PS) และ กิโลวัตต์ (KW)นอกจากนี้ ในบางครั้งเราจะเห็นตัวย่อ BHP ซึ่งย่อมาจาก Brake Horse Power หมายถึง กำลังของเครื่องยนต์ที่ได้รับจากเพลาเครื่อง ซึ่งเท่ากับกำลังที่เครื่องยนต์ผลิตได้หักออก ด้วยแรงเสียดทานภายเครื่องยนต์ ดัง สูตร BHP = IHP – FHP โดยที่ IHP คือ Indicated Horse Power หมายถึงกำลัง ที่เครื่องยนต์ผลิตได้ และ FHP คือ Friction Horse Power ซึ่งหมายถึงแรงเสียดทานภายในเครื่องยนต์ กำลังของเครื่องยนต์สามารถคำนวณได้จากสูตร HP = K x Torque x RPM โดยที่ K คือ ค่าคงที่ T คือแรงบิด และ RPM คือความเร็วรอบของเครื่องยนต์ แรงม้าสูงสุดของเครื่องยนต์แต่ละรุ่นแต่ละแบบจะอยู่ที่ ความเร็วรอบเครื่องยนต์แตกต่างกันไปแล้วแต่การ ออกแบบของผู้ผลิต แล้วแรงม้าเห็นกันในหนังสือ หรือใน specification ต่างๆ นั้นเป็น BHP หรือ IHP คำตอบน่าจะเป็นBHP เพราะเป็นแรงม้าที่ได้มาจากการทดสอบสมรรถนะของเครื่องยนต์ แรงม้าสูงสุดจะอยู่ที่ความเร็วรอบสูงกว่าความเร็วรอบที่มี แรงบิดสูงสุดเสมอจากที่แรงบิดของเครื่องยนต์จะแสดงถึงอัตราเร่ง แรงม้าของเครื่องยนต์ก็จะแสดงถึงความเร็วสูงสุดของรถ ซึ่งหมายถึงความสามารถในการเอาชนะแรงเสียดทาน และ แรงต้านของอากาศ ที่จะมีมากขึ้นเป็นทวีคูณ (อัตราความเร็วยกกำลังสอง)เมื่อความเร็วสูงขึ้น จากสูตรคำนวณแรงม้าจะเห็นได้ว่า สำหรับเครื่องยนต์ที่มี ขนาดเท่าๆ กัน เครื่องยนต์ที่มีแรงบิดสูงสุดที่รอบต่ำจะมี แนวโน้มที่จะมีแรงม้าสูงสุด ต่ำกว่า เครื่องยนต์ที่มีแรงบิดสูงสุดที่รอบสูงกว่า แต่ถ้าต้องการให้มีทั้งแรงบิดและ แรงม้ามากขึ้น ก็จะต้องเป็นเครื่องยนต์ที่มีเทคโนโลยีสูงกว่า
หรือ เป็นเครื่องยนต์ที่มีขนาดใหญ่กว่า หรือ มีการติดตั้ง อุปกรณ์อื่นเพิ่ม เช่น turbocharger supercharger ฯลฯ ซึ่งแน่นอนว่าราคาของเครื่องยนต์จะสูงขึ้น ค่าใช้จ่าย ในการซ่อมบำรุงก็จะสูงขึ้น และ มักจะต้องจ่ายค่าน้ำมัน เชื้อเพลิงมากขึ้นอีกด้วย
อันความรู้เรื่องแรงบิดและแรงม้านั้น ไม่ใช่รู้เพื่อความเท่ห์เฉยๆ แต่มันมีประโยชน์ต่อการใช้งานรถด้วย อย่างเช่น เรารู้แรงบิดสูงสุดว่าอยู่ที่กี่รอบ ก็ควรเปลี่ยนเกียร์(ให้สูงขึ้น)ที่ความเร็วรอบไม่เกินนั้น(อย่างเช่นอยู่ที่ 3000 รอบ เราก็ควรเปลี่ยนเกียร์ที่ 2500-3000 รอบ เพราะไปเปลี่ยนเกียร์ที่รอบสูงกว่านี้ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร ทำร้ายเครื่องเราปล่าวๆ) เรารู้แรงม้าสูงสุดว่าอยู่ที่กี่รอบ ก็ควรใช้ความเร็วสูงสุดไม่เกินที่เขากำหนดรอบมา (มาตรวัดรอบเขาก็ทำมาให้ดูแล้ว – คงไม่ใช่เพื่อความเท่ห์อย่างเดียว) รถจะได้อยู่คู่เราไปตราบนานเท่านานครับ
เลือกสีรถให้ถูกโฉลกกับวันเกิด
เลือกสีรถให้ถูกโฉลกกับวันเกิด
การเลือกสี รถ…ให้ตรงกับสีที่ถูกโฉลกนั้นเป็นสิ่งที่หลายคนอาจจะมองข้ามความสำคัญไป โดยที่บางคนอาจจะให้ความสำคัญแค่กับความสวยงามเพียงอย่างเดียวแต่หลังจากที่ คุณใช้รถคันนั้นของคุณไปได้ไม่นานคุณอาจจะพบว่าทำไมมันถึงมีปัญหาสารพันกับ รถคันเก่งของคุณทั้งๆที่เพิ่งจะซื้อมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอุบัติเหตุต่างๆ หรือเรื่องจุกๆจิกต่างๆนานา สาเหตุอย่างหนึ่งอาจจะเกิดจากการที่คุณเลือกสีรถไม่ถูกกับโฉลกของคุณก็เป็น ได้ เรื่องเหล่านี้ถึงแม้ว่าจะพิสูจน์ไม่ได้ในทางหลักวิทยาศาสตร์ก็ตาม แต่การเชื่อไว้ก็ไม่เสียหายไม่ใช่หรือ?
ตารางการเลือกใช้สีรถแยกตามวันเกิด
|
บริวาร |
อายุ |
เดช |
ศรี |
มูละ |
อุตสาหะ |
มนตรี |
กาลกิณี |
ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์ |
สีแดง |
สีขาว,เหลือง |
สีชมพู |
สีเขียว |
สีดำ,ม่วง |
สีส้ม,แสด |
สีเทา,บรอนซ์ |
สีฟ้า,น้ำเงิน |
ผู้ที่เกิดเกิดวันจันทร์ |
สีขาว,เหลือง |
สีชมพู |
สีเขียว |
สีดำ,ม่วง |
สีส้ม,แสด |
สีเทา,บรอนซ์ |
สีฟ้า,น้ำเงิน |
สีแดง |
ผู้ที่เกิดเกิดวันอังคาร |
สีชมพู |
สีเขียว |
สีดำ,ม่วง |
สีส้ม,แสด |
สีเทา,บรอนซ์ |
สีฟ้า,น้ำเงิน |
สีแดง |
สีขาว,เหลือง |
ผู้ที่เกิดวันพุธ(กลางวัน) |
สีเขียว |
สีดำ,ม่วง |
สีส้ม,แสด |
สีเทา,บรอนซ์ |
สีฟ้า,น้ำเงิน |
สีแดง |
สีขาว,เหลือง |
สีชมพู |
ผู้ที่เกิดวันพุธ(กลางคืน) |
สีดำ,ม่วง |
สีส้ม,แสด |
สีเทา,บรอนซ์ |
สีฟ้า,น้ำเงิน |
สีแดง |
สีขาว,เหลือง |
สีชมพู |
สีเขียว |
ผู้ที่เกิดวันพฤหัส |
สีส้ม,แสด |
สีเทา,บรอนซ์ |
สีฟ้า,น้ำเงิน |
สีแดง |
สีขาว,เหลือง |
สีชมพู |
สีเขียว |
สีดำ,ม่วง |
ผู้ที่เกิดวันศุกร์ |
สีเทา,บรอนซ์ |
สีฟ้า,น้ำเงิน |
สีแดง |
สีขาว,เหลือง |
สีชมพู |
สีเขียว |
สีดำ,ม่วง |
สีส้ม,แสด |
ผู้ที่เกิดวันเสาร์ |
สีฟ้า,น้ำเงิน |
สีแดง |
สีขาว,เหลือง |
สีชมพู |
สีเขียว |
สีดำ,ม่วง |
สีส้ม,แสด |
สีเทา,บรอนซ์ |
วิธีการอ่านความหมายในตาราง
วิธีในการใช้ตารางข้างบนนี้ก็คือเพียงแต่คุณดูที่ช่องในวันที่คุณเกิด แล้วเลือกสีที่คุณต้องการหรือเลือกความหมายที่คุณต้องการ โดยความหมายต่างๆ จะมีคำอธิบายอยู่ด้านล่าง ยกตัวอย่างเช่นถ้าคุณเกิดวันอาทิตย์และคุณต้องการใช้รถสีแดงซึ่งตรงกับช่องบริวาร คุณก็เพียงแต่ดูความหมายข้างล่างว่า มีความหมายเช่นไร ในทำนองเดียวกันถ้าคุณต้องการเลือกความหมายของสีรถก่อนว่าต้องการเลือกสีรถเพื่อให้มีความหมายดังกล่าวคุณก็เพียงแต่อ่านความหมายด้านล่างก่อนแล้วจึงไปเลือกสีรถตามสีที่ตรงกับความหมายนั้นๆ ซึ่งความหมายของในแต่ละช่องมีดังต่อไปนี้…
๑.ถ้าคุณเลือกรถที่เป็นสีในช่อง บริวาร มาใช้จะทำให้คุณ ดูเด่นเสริมราศี มีเพื่อนฝูงชื่นชมมากมาย
๒.ถ้าคุณเลือกรถที่เป็นสีในช่อง อายุ มาใช้จะทำให้คุณ ปลอดภัยจากอุบัติเหตุต่างๆ และยังเหมาะแก่การเดินทางไกล หรือผู้ที่ต้องเดินทางบ่อยๆอีกด้วย
๓.ถ้าคุณเลือกรถที่เป็นสีในช่อง เดช มาใช้จะทำให้คุณ รู้สึกเป็นที่เกรงใจหรือยำเกรงของผู้อื่น
๔.ถ้าคุณเลือกรถที่เป็นสีในช่อง ศรี มาใช้จะทำให้คุณ มีโชคมีลาภ เกิดสิ่งที่ดีงามขึ้นแก่ชีวิต
๕.ถ้าคุณเลือกรถที่เป็นสีในช่อง มูละ มาใช้จะทำให้คุณ เป็นที่เชื่อถือแก่คนทั่วไป เหมาะสำหรับผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับการเงินต่างๆ
๖.ถ้าคุณเลือกรถที่เป็นสีในช่อง อุตสาหะ มาใช้จะทำให้คุณ เดินทางไกลได้อย่างปลอดภัย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องเดินทางไกลๆ
๗.ถ้าคุณเลือกรถที่เป็นสีในช่อง มนตรี มาใช้จะทำให้คุณ รู้สึกเป็นที่พอใจและเมตตาของผู้บังคับบัญชา หรือเหมาะแก่ผู้ที่ทำงานราชการต่างๆ
๘.ถ้าคุณเลือกรถที่เป็นสีในช่อง กาลกิณี มาใช้จะทำให้คุณ เกิดการสูญเสีย มีปัญหาต่างๆมากมาย และอาจจะเกิดอุบัติเหตุรุนแรงได้
เมื่อคุณรู้สีรถซึ่งเหมาะแก่วันเกิดของคุณแล้ว คุณก็จะสามารถเลือกสีรถให้ถูกโฉลกแก่คุณได้ หรือถ้าคุณมีรถหลายคันหลายสี คุณก็ยังสามารถเลือกรถคันที่เหมาะแก่งานที่คุณกำลังจะไปทำได้เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการเลือกสีที่เป็นกาลกิณีประจำวันเกิดมาใช้ถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่สมควกระทำเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงให้มากที่สุด แต่ถ้าคุณใช้รถสีดังกล่าวอยู่แล้วก็ยังพอจะมีวิธีที่จะหลีกเลี่ยงได้ก็คือการหาสติ๊กเกอร์สีที่เป็นมงคลกับตัวคุณมาติดรอบๆคันรถเพื่อเป็นการแก้เคล็ดก็ได้